"โซเดียม"
ภัยเงียบจากของอร่อย
กรมการแพทย์โดยสถาบันโรคทรวงอก
เตือนการบริโภคโซเดียมในปริมาณมากเกินกว่า 2,400
มิลลิกรัม หรือมากกว่า 1 ช้อนชาต่อวันจะทำให้ไตทำงานหนัก
เสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูงและยิ่งมีโอกาสพบบ่อยเมื่ออายุมากขึ้น
พร้อมแนะวิธีลดปริมาณโซเดียมเพื่อการทำงานที่ดีของไต
นายแพทย์สมศักดิ์
อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า
โซเดียมเป็นส่วนประกอบของเกลือ ซึ่งเกลือ
1 กรัม จะมีโซเดียมประมาณ 400 มิลลิกรัม
โดยร่างกายมีความต้องการโซเดียมประมาณ 2,400 มิลลิกรัมต่อวัน
แต่ถ้าได้รับมากร่างกายจะขับออกทางไตจะทำให้ไตทำงานหนัก ดังนั้น การที่ร่างกายได้รับโซเดียมในปริมาณที่พอเพียงไม่มากไม่น้อยจนเกินไปจะเกิดผลดีต่อการทำงานของไต ส่วนเกลือโซเดียม
หรือเกลือแกงเป็นตัวหลักของสารที่ให้ความเค็มในเครื่องปรุงรสที่นิยมใช้ คือ น้ำปลา
ซอสถั่วเหลือง ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ เต้าเจี้ยว ฯลฯ และยังใช้ในการถนอมอาหารประเภทหมักดอง
เช่น ผักดอง ผลไม้ดอง ไข่เค็ม ปลาร้า ปลาเค็ม เนื้อเค็ม เป็นต้น
นอกจากนี้ เกลือโซเดียมยังแฝงมากับอาหารอื่นๆ เช่น ขนมอบกรอบ ผงชูรส
หากรับประทานอาหารที่เค็มจัดที่มีเกลือโซเดียม หรือเกลือแกงมากกว่า 6 กรัมต่อวัน หรือมากกว่า 1 ช้อนชาขึ้นไป จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูง
โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบบริโภค ผัก ผลไม้
นายแพทย์เอนก
กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
ในแต่ละวันไม่ควรบริโภคโซเดียมเกินความต้องการของร่างกาย ซึ่งวิธีที่จะช่วยลดปริมาณการบริโภคโซเดียมมีหลายวิธี
เช่น หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารรสจัด และอาหารหมักดอง
ชิมอาหารทุกครั้งก่อนเติมเครื่องปรุง เลือกบริโภคอาหารสด
หรืออาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป
และขนมขบเคี้ยวที่มีเครื่องปรุงรสปริมาณมาก
ลดความถี่ของการบริโภคอาหารที่ต้องมีเครื่องปรุงน้ำจิ้ม
และลดปริมาณน้ำจิ้มที่บริโภค ทดลองปรุงอาหารโดยใช้ปริมาณเกลือ น้ำปลา
ตลอดจนเครื่องปรุงรสอื่นๆ เพียงครึ่งหนึ่งที่กำหนดไว้ในสูตรปรุงอาหาร ถ้ารสชาติไม่อร่อยจริงๆ จึงค่อยเพิ่มปริมาณของเครื่องปรุงรส
ควรปลูกฝังนิสัยให้บุตรหลานรับประทานอาหารรสจืด โดยไม่เติมเกลือ ซีอิ๊วขาว น้ำปลา
ตลอดจนซอสปรุงรสในอาหารเด็กและทารก และควรบริโภคอาหารที่มีปริมาณโปแตสเซียมสูง
เช่น ผักใบเขียวและผลไม้ จะสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้
ขอขอบคุณ
ขอมูลจาก: กรมการแพทย์,สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น