น้ำมันเก่าที่ใช้แล้ว อันตรายต่อสุขภาพ
แนะน้ำมันเก่าที่ใช้แล้วไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำ เพื่อสุขภาพของผู้บริโภคควรเลือกใช้น้ำมันให้เหมาะสมกับวิธีปรุงอาหาร
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่วิธีการเปลี่ยนน้ำมันเก่าที่ใช้แล้วให้กลับมาใสเหมือนเดิมด้วยการเติมแป้งสาลีผสมน้ำ
ทำให้คนกังวลว่าจะมีอันตรายหรือไม่ ว่า
การนำน้ำมันปาล์มจากครัวเรือนและร้านอาหารริมทางที่ผ่านการทอดปลา เนื้อสัตว์ต่าง ๆ
และเกี๊ยวกรอบ มาตั้งไฟอ่อนๆ แล้วเติมแป้งสาลีผสมน้ำลงไป
เพื่อให้แป้งจับเอาคราบดำและตะกอนต่าง ๆ นั้น
จากการตรวจวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบคุณภาพทั้งทางกายภาพและทางเคมีของน้ำมันก่อนและหลังการทำให้ใส
ได้แก่ 1.สีและตะกอน 2.ค่าของกรด
ซึ่งบ่งชี้คุณภาพของน้ำมัน 3.ค่าเพอร์ออกไซด์
ซึ่งบ่งชี้ขั้นต้นของการเกิดกลิ่นหืน และ 4.สารโพลาร์
บ่งชี้คุณภาพของน้ำมันทอดซ้ำ พบว่า น้ำมันเก่าที่ใช้แล้วหลังผ่านกรรมวิธีดังกล่าว
มีสีจางลงและตะกอนน้อยลง แต่ค่าของกรด ค่าเพอร์ออกไซด์
และสารโพลาร์ในน้ำมันก่อนและหลังการทำให้ใสไม่มีความแตกต่างกัน
จากผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า
กรรมวิธีเปลี่ยนน้ำมันเก่าที่ใช้แล้วให้ใสเหมือนใหม่ ด้วยการเติมแป้งสาลีผสมน้ำไม่สามารถปรับปรุงคุณภาพทางเคมีของน้ำมันเก่าที่ใช้แล้วให้ดีขึ้นได้และน้ำมันเก่าที่ทอดซ้ำหลายๆครั้งทำให้เกิดสารโพลาร์ในปริมาณสูงขึ้นอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
นพ.โอภาสกล่าวว่าการกรองน้ำมันโดยไม่ผ่านการใช้ความร้อนเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า อย่างไรก็ตาม เพื่อสุขภาพของผู้บริโภคควรเลือกใช้น้ำมันให้เหมาะสมกับวิธีปรุงอาหาร
เช่น การทอดแบบน้ำมันท่วมที่อุณหภูมิสูงและใช้ระยะเวลานาน
ควรใช้น้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูง มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวต่ำ เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู ส่วนการทอดหรือผัด
สามารถใช้น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดทานตะวัน
น้ำมันคาโลนาหรือน้ำมันเมล็ดชา แต่ถ้าหากปรุงสลัดควรใช้น้ำมันมะกอก เป็นต้น
และไม่ควรทอดอาหารโดยใช้ไฟแรงเกินไป ควรซับน้ำบนผิวอาหารก่อนทอด
เพราะน้ำจะเร่งการเสื่อมสภาพของน้ำมัน และควรเปลี่ยนน้ำมันบ่อย ๆ นพ.โอภาสกล่าว
ขอขอบคุณ
ข้อมูลจาก: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น